Wilcon Distribution: Conclusion for Your Solution ไทย / Eng

การทำงานของระบบ IT Infrastructure Monitoring

เพื่อให้ธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ติดขัด ระบบ IT จึงจำเป็นที่จะต้องทำงานอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มี Downtime และการติดตามการทำงานของระบบ IT ทั้งหมดแบบ Real-time ก็ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับองค์กร โดยโซลูชันที่จะเข้ามามีบทบาทในส่วนนี้ก็คือระบบ IT Infrastructure Monitoring นั่นเอง

การทำงานของระบบ IT Infrastructure Monitoring

ระบบ IT Infrastructure Monitoring นี้จะทำการรวบรวมข้อมูลสถานะการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบเครือข่ายผ่านทาง SNMP, Syslog, SSH, NetFlow, sFlow, J-Flow และ Agent Software เพื่อวิเคราะห์สถานะการทำงานของอุปกรณ์ทั้งหมด, ตรวจสอบการโจมตีที่เกิดขึ้นในเครือข่าย และทำการแสดงผลแบบ Real-time ผ่านทาง Dashboard และการแจ้งเตือน รวมถึงสร้างรายงานได้ โดยระบบที่ IT Infrastructure Monitoring สามารถตรวจสอบได้มีดังนี้

  • ตรวจสอบการทำงานและการเรียกใช้งานApplication ต่างๆ
  • ตรวจสอบการทำงานและปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Database
  • ตรวจสอบการทำงานและประสิทธิภาพของระบบ Storage
  • ตรวจสอบการทำงานและปริมาณการใช้งานระบบ Network
  • ตรวจสอบสถิติการทำงานและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในระบบ Security
  • ตรวจสอบการทำงานที่ระดับของ OS และ Hypervisor สำหรับระบบ System

Big Data คือ

ข้อมูลขนาดใหญ่มากจนซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ธรรมดานั้นไม่สามารถที่จะจัดการหรือวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฺBig Data คือ การรวบรวมข้อมูลทั้ง Structured (พวกที่เก็บในโครงสร้างตารางข้อมูล) และ Unstructured (พวกที่เป็น text ยาวๆ รูปภาพ และ วิดีโอต่างๆ) มาทำการประมวลวิเคราะห์ข้อมูลและนำไปใช้ประโยชน์

DC DR & Storage

มาตรฐานของ Data Center

การสร้างศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตหรือ Data Center นั้นไม่ใช่สร้างกันดื้อๆ ไม่มีแนวทางอะไรนะครับ แต่มีมาตรฐานที่เรียกว่า ANSI/TIA-942 กำหนดระดับคุณภาพของ Data Center ออกเป็น 4 ระดับ หรือที่เรียกในวงการว่า Tier ซึ่งแค่ Tier 1 มาตรฐานขั้นต่ำสุดสำหรับการเป็น IDC ก็กำหนดว่าระบบต้องทำงานได้อย่างน้อย 99.671% หรือในหนึ่งปีระบบล่มได้ไม่เกิน 28.83 ชั่วโมงแล้ว ส่วน Tier 4 ที่เป็นมาตรฐานสูงสุดกำหนดให้ระบบต้องทำงานได้ 99.995% หรือปีหนึ่งล่มได้ไม่เกิน 26.28 นาที และต้องมีระบบสำรองพร้อมทำงานเสมอ

  • Tier 1 ระบบต้องทำงานได้อย่างน้อย 671% หรือในหนึ่งปีระบบล่มได้ไม่เกิน 28.8 ชั่วโมง แต่ไม่มีระบบทำงานสำรอง
  • Tier 2 ระบบต้องทำงานได้อย่างน้อย 741% หรือในหนึ่งปีระบบล่มได้ไม่เกิน 22 ชั่วโมง ต้องมีระบบทำงานสำรองด้วย
  • Tier 3 ระบบต้องทำงานได้อย่างน้อย 982% หรือในหนึ่งปีระบบล่มได้ไม่เกิน 1.6 ชั่วโมง ต้องมีระบบทำงานสำรอง มีไฟฟ้าสำรอง และช่องทางเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำรอง
  • Tier 4 ระบบต้องทำงานได้อย่างน้อย 995% หรือในหนึ่งปีระบบล่มได้ไม่เกิน 24 นาที ต้องมีระบบทำงานสำรอง มีไฟฟ้าสำรอง ช่องทางเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำรอง และทุกอย่างที่เกี่ยวกับระบบใน IDC ก็ต้องมีตัวสำรอง เช่นระบบแอร์ ระบบดับเพลิง ฯลฯ

DR-Site หรือ Disaster Recovery Site คือ Solution ในการกู้คืนระบบที่มีความสำคัญ ซึ่งเกิดจากภัยพิบัติต่างๆ อันเป็นเหตุให้ระบบ Datacenter หลักหยุดให้บริการ จึงจำเป็นต้องใช้ Site สำรองในการทำงานแทน

ทำไมต้อง DR Site? ข้อดีของ DR Site

  • ปกป้องความเสียหายของธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง
  • ปกป้องความเสียหายของข้อมูลจากภัยพิบัติ
  • ปกป้องความเสียหายของระบบ Data center 

ตระหนักถึงความสำคัญของ DR-Site Solution

DR-Site Solution นั้น ไม่ใช่การลงทุน แต่เหมือนกับเป็นการซื้อประกัน คุณจะไม่ซื้อตอนนี้ก็ได้ แต่ต้องจำไว้ว่า หากมันมาเกิดขึ้นที่คุณ คุณจะต้องรับปัญหาความเสียหายเหล่านี้ที่จะมาพร้อมกับมันได้

  1. Revenue ยอดขายตก แน่นอนว่าถ้าระบบงานขายหยุดชะงักไป ย่อมต้องทำให้ยอดขายตกลง มูลค่าความเสียหาย ประเมินค่าไม่ได้กันเลยทีเดียว
  2. Productivity สำหรับองค์กรที่ต้องใช้ Email / VPN / Web Application / File sharing ในการทำงานหรือติดต่อลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ลองคิดภาพดูครับ หาก Datacenter ล่มไป 10 วัน ทำงานไม่ได้ พนักงานองค์กรคุณมีกี่ท่าน แต่ละท่านเงินเดือนเท่าไหร่ แค่คิดค่าความเสียหายเล่นๆ ก็ปวดหัวแล้วใช่มั้ยครับ
  3. Compliance ถ้าที่องค์กรไหนมี IT Audit ด้วยต้องระวังเลยนะครับเรื่องนี้ หากท่านไม่เริ่ม DR Site Solution ในระบบ Datacenter ของตัวเอง แอดมินว่าต้องมีปัญหากับ Audit แน่ๆ
  4. Reputation ชื่อเสียงเสียหาย บริษัทที่เปิดมานานกว่า 10-20 ปี สร้างความพึงพอใจให้มาโดยตลอด กลับมาตกม้าตาย เพราะลืมวางระบบ DR-site Solution ก็มีเยอะครับ

ณ ปัจจุบันต้องบอกเลยว่า องค์กรใหญ่ๆ ทุกแห่ง มีการหยิบเอาเทคโนโลยี DR Site เข้าไปใช้ เพราะประเทศไทยสมัยนี้ก็เริ่มมีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่จะทำให้ระบบของเราหยุดชะงักได้ ไม่ว่าจะเป็น อุบัติภัยต่างๆ เช่น น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, ไฟไหม้  สิ่งเหล่านี้ได้เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยหมดแล้ว เพียงแต่ยังไม่เกิดขึ้นกับเราเท่านั้นเอง อยู่ที่องค์กรของท่านแล้วล่ะครับว่า ท่านจะรอให้มันเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยทำ หรือ จะทำกันไว้ก่อนที่มันจะเกิด 

Storage